โพสต์นี้ยังคงอยู่ในแวดวงการศึกษานะคะ เนื่องจากประเด็นเรื่องการศึกษานั้น เชื่อมโยงไปถึงเด็ก เยาวชน และนวัตกรรมทางการศึกษาต่างๆ ที่มีออกมาไม่จบไม่สิ้น ให้เราได้รับทราบและนำไปต่อยอดกันได้ตลอดเวลาจริงๆ
ล่าสุด Samsung Electronics Europe ได้ริเริ่มโครงการเก่ไก๋มีสาระร่วมกับ MakerBot ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ 3 มิติรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกาในการสร้าง Smart Classroom โดยจะนำร่องโครงการในประเทศเยอรมนี อิตาลี สเปน อังกฤษ และสวีเดนเป็นอันดับแรก และมีเป้าหมายเข้าถึงเด็กนักเรียนจำนวน 400,000 คนทั่วทวีปยุโรปภายในปี 2019
โครงการนี้มีจุดเริ่มต้นจากภาวะการไม่มีงานทำของเยาวชน และการขาดทักษะจำเป็นสำหรับการทำงานในยุคใหม่ ซัมซุงและ MakerBot จึงร่วมมือกันสร้าง Smart Classroom โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือนักเรียนอายุตั้งแต่ 6-16 ปี ในโรงเรียน วิทยาลัย สถาบันต่างๆ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ สาระสำคัญของโครงการก็คือการนำเอา 3D Printer เข้าไปในสถาบันเหล่านี้ เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีการผลิตเปลี่ยนโลกนี้ให้กับเด็กและเยาวชนตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อที่เมื่อพวกเขาเข้าสู่ตลาดแรงงาน จะได้มีความรู้และทักษะอันเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงาน เช่น การเขียนโค้ด, การออกแบบ 3D, Digital Manufacturing และทักษะทางเทคโนโลยีอื่นๆ ไปต่อยอดได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ว่าจะในแวดวงการออกแบบ วิศวกรรม R&D พัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนั้น โครงการยังเน้นให้มีการสอน Design Cycle สำหรับการผลิตสินค้าออกสู่ตลาด ตั้งแต่ยังเป็นเพียงไอเดียหรือคอนเซปท์ จนกระทั่งกลายเป็นวัตถุที่จับต้องได้จริงๆ ทั้งนี้ Samsung เองได้ริเริ่มโครงการ Smart Classroom มาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งประกอบด้วย Smart Classroom จำนวน 1,300 แห่ง และ Digital Academy อีก 65 แห่ง ใน 20 ประเทศทั่วยุโรป โครงการล่าสุดนี้เรียกได้ว่าเป็นการต่อยอดนโยบายด้าน Sustainability and Citizenship (ความยั่งยืนและการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม) ของซัมซุงก็ว่าได้
ทางด้าน MakerBot นั้นก็มีความภาคภูมิใจที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกับซัมซุงในการพัฒนาเทคโนโลยี และมีส่วนช่วยในการเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชนเพื่อเข้าสู่ตลาดแรงงานต่อไป และที่สำคัญที่สุดก็คือได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับสังคมได้รับรู้ถึงพลังของเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ
ย้อนกลับมาที่ประเทศไทยของเรา ซึ่งจะเข้าประชาคม AEC แน่นอนว่าการแข่งขันด้านฝีมือแรงงานจะทวีความรุนแรง เข้มข้นมากยิ่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ดูเหมือนว่าจะถึงเวลาแล้วที่เราจะเริ่มคิดถึงแนวทางพัฒนาทักษะและความรู้ให้กับเด็กและเยาวชนของเรา ให้มีทักษะที่แตกต่างและเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจและอุตสาหกรรมไทยอย่างจริงจัง
ที่มา: http://www.3ders.org//articles/20160905-samsung-and-makerbot-team-up-to-bring-3d-printers-to-classrooms-across-europe.html